Author: admin

นักลงทุนเทขายหุ้นไทยก่อนหยุดกลางสัปดาห์ แนะจับตาประเด็นรัสเซีย-ยูเครน

หุ้นไทยปิดตลาด -1.75 จุด นักวิเคราะห์ชี้นักลงทุนเทขายหุ้นก่อนวันหยุดกลางสัปดาห์เพื่อลดความเสี่ยง แนะจับตามาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ รอบใหม่ที่จะกดดันรัสเซียให้ถอนกำลังทหารและยุติการรุกรานยูเครน พร้อมประเมินกรอบการลงทุน วันพฤหัสบดี 7 เม.ย. มองแนวโน้มดัชนีจะแกว่งแคบแนวรับที่ 1,690 จุด และ 1,680 จุด และแนวต้านที่ 1,710 จุด ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 เมษายน 2565 ปรับตัวลดลง -1.75 จุด หรือ -0.10% โดยปิดตลาดที่ 1,701.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 68,481.05 ล้านบาท โดยภาพรวมดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก ซึ่งในระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 1,708.89 จุด ขณะเดียวกัน ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,698.33 จุด ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 461 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 643 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 1,112 หลักทรัพย์ ด้านปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน

ลดค่าครองชีพ “รมว.เฮ้ง” เผย ครม.เห็นชอบลดเงินสมทบผู้ประกันตน เริ่มเดือน พ.ค.- ก.ค.นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน และผู้ใช้แรงงาน ได้ออก 10 มาตรการ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน รวมถึงผู้ใช้แรงงาน หนึ่งในนั้น คือการลดเงินสมทบประกันสังคม เพื่อช่วยเหลือนายจ้างผู้ประกอบการ และพี่น้องผู้ประกันตน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 และสถานการณ์สงครามระหว่างประเทศรัสเซีย และยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และบริการของทั้งในและต่างประเทศ โดยเมื่อวันนี้ (5 เม.ย.) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการในการช่วยเหลือลดเงินสมทบนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 จากเดิมร้อยละ 5 เหลือฝ่ายละร้อยละ 1 ของค่าจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบ จากเดิมร้อยละ 9 (เดือนละ 432 บาท) เหลือร้อยละ 1.9 คิดเป็นเงินเดือนละ 91 บาท โดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565 สำหรับฝ่ายรัฐบาลยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ

FETCO มองหุ้นไทยQ2″ทรงตัว”ลุ้นครึ่งหลังแตะ 1,800 จุด

FETCO คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ 3.% กว่า ลุ้นครึ่งหลัง ท่องเที่ยวฟื้น เงินเฟ้อลด แรงส่งจากเศรษฐกิจ ดันดัชนี SET แตะ 1,800 จุด ขณะที่เศรษฐกิจปี 66 มีโอกาสโตมากกว่า 4% นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในเดือนมีนาคม 2565 ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลงมาที่ 3.09% จากการสำรวจเดือน มกราคม 2565 อยู่ที่ 3.71% เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ราคาพลังงานที่ปรับขึ้นสูง และเศรษฐกิจโลกชะลอลงจากเดิม อย่างไรก็ตามอัตราการขยายตัวที่ 3.09% ดังกล่าว ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ และมีโอกาสที่จะได้รับการปรับคาดการณ์ขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดีขึ้น และหากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีโอกาสที่จะเติบโตได้มากกว่า 4% ขึ้นไป ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปที่ 1,800 จุด จากทิศทางเงินทุนไหลเข้า

“ทรีนีตี้” ประเมินตลาดหุ้น เม.ย.แกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down ขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น แนะกลยุทธ์ “ตั้งรับ”

“ทรีนีตี้” ประเมินตลาดหุ้นเดือนเม.ย.แกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down ตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น แนะกลยุทธ์ “ตั้งรับ” แนวรับแรกที่ 1,630 จุด “โฟกัส” หุ้นเติบโตขนาดกลาง-เล็ก ได้ประโยชน์จากความชัน Yield curve ที่ลดลง พร้อมอัตราการขยายตัวของ M2 ที่แรงสุดในรอบปี นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน เม.ย.2565 เดือนแรกงวดไตรมาส 2 ปี 2565 ว่า ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ถึง Sideways down จากการขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดและยังต้องติดตาม 5 ประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อการลงทุนในเดือนนี้ ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ “ตั้งรับ” มองจุดเพิ่มน้ำหนักที่น่าสนใจได้แก่ 1,630 จุด ซึ่งจะเป็นบริเวณที่ทำให้ดัชนีกลับมามี Upside ในมาตรวัด Earning yield gap (EYG)

บทวิเคราะห์ราคาทองวันนี้ (31 มี.ค.) โดย YLG Bullion

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 31 มีนาคม 2565 สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นตลอดทั้งวัน ท่ามกลางแรงหนุนจากหลายปัจจัย อาทิ (1) การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจาก EIA รายงานว่า สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และมีโอกาสมากขึ้นที่ชาติตะวันตกจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซีย ปัจจัยดังกล่าวหนุนทองที่ระยะนี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับน้ำมัน (2) การอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังสหรัฐเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 4/2021 ที่ขยายตัว 6.9% เท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1% (3) การแข็งค่าของยูโร หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 7.3% ในเดือน

“คลัง”เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น ชี้จังหวะไม่เหมาะ ยันไม่กระทบเป้าจัดเก็บ

นักลงทุนหุ้นมีเฮ ! ปลัดคลัง เผยคลังเลื่อนแผนจัดเก็บขายหุ้น Transaction Financial Tax ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้อ ด้านกรมสรรพากร ยันไม่กระทบเป้าจัดเก็บปีงบ 65 เนื่องจากไม่ได้จัดอยู่ในประมาณการรายได้ และมีรายได้จากภาษี e-service หมื่นล้านบาท นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงการคลังมีนโยบายที่จะเข้าจัดเก็บภาษีการขายหุ้น Transaction Financial Tax แต่เนื่องจากขณะนี้ สถานการณ์ยังไม่เหมาะสม จึงขอเลื่อนการใช้นโยบายดังกล่าวออกไป “ภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ได้รับผลกระทบทั้งจาก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ทำให้อาจจำเป็นต้องชะลอการจัดเก็บภาษีตัวนี้ออกไปอีกสักระยะหนึ่ง แต่หากถามถึงความพร้อมในการจัดเก็บภาษีตัวนี้ กระทรวงการคลังมีความพร้อม” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวและว่า   ส่วนประเด็นเรื่องอัตราการจัดเก็บภาษีหุ้นนั้น ตนคิดว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น บางประเทศเก็บน้อยกว่าไทย บางประเทศเก็บมากกว่า ขณะที่บางประเทศเก็บเป็นแบบ capital gain ไม่ได้เก็บจากการขาย   “ในแง่อัตราการจัดเก็บภาษีตัวนี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดมากนัก และเข้าใจว่าคนที่อยู่ในตลาดนี้มีรายได้ค่อนข้างสูง” นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ความจริงแล้วกระทรวงการคลัง มีกฎหมายออกมาให้เก็บภาษีตัวนี้ตั้งแต่ปี

Forward สตาร์ทอัปน้องใหม่ระดมทุนในรอบ Pre-Series A แรกด้วยเงินลงทุนกว่า 160 ล้านบาท

ฟอร์เวิร์ด (Forward) ฟินเทคโปรเจกต์สัญชาติไทยด้านบล็อกเชน และการลงทุน เผยว่า บริษัทฯ ดำเนินการระดมทุนในรอบ Pre-Series A ที่มูลค่า 1,600 ล้านบาท หรือ 50 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ GBV Capital (จีบีวี แคปิทัล) (Genesis Block Ventures – เจเนสิส บล็อก เวนเจอร์) Varys Capital (แวรี่ แคปิทัล) เวนเจอร์ แคปิทัล ที่เน้นลงทุนด้านบล็อกเชนเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก รวมถึงบริษัทเวนเจอร์ แคปิทัลในไทย อย่าง Primestreet Capital (ไพร์มสตรีท แคปิทัล) และบริษัท รัตนากรแอสเซท บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย นายชานน จรัสสุทธิกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Forward Holdings (ฟอร์เวิร์ด โฮลดิ้งส์) เปิดเผยว่า ทุนจำนวนนี้เป็นทุนรอบแรกที่เราจะนำไปพัฒนา Forward ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่จะปฏิวัติวงการการเงินในระดับโลก

PwC แนะจับตา DeFi ระบบการเงินไร้ตัวกลางในไทยปี 65 ชี้แม้มีความเสี่ยง แต่โอกาสเติบโตสูง

PwC ประเทศไทย ชี้ระบบการเงินไร้ตัวกลาง หรือ DeFi มีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้ หลังอุตสาหกรรมทางการเงินของประเทศปรับสู่บริการทางการเงินและการลงทุนดิจิทัลหลากหลาย และช่วยเปิดโอกาสในการเข้าถึงระบบการเงินได้ง่ายและไร้พรมแดนมากขึ้น แต่คาด DeFi ยังคงไม่สามารถเข้ามาทดแทนการทำธุรกรรมของธนาคารแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับตัวเพิ่ม DeFi เข้าไปในระบบนิเวศเพื่อต่อยอดธุรกิจ น.ส.วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานธุรกิจที่ปรึกษา และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจบริการทางการเงิน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า ระบบการเงินไร้ตัวกลาง (Decentralised Finance: DeFi) กำลังเข้ามามีบทบาทในการให้บริการทางการเงินในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุน บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชัน สถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ ที่ปัจจุบันได้ทำการศึกษาและพัฒนาแพลตฟอร์ม รวมไปถึงสร้างบริการทางการเงินใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้บริการ “ในปีนี้การใช้ DeFi ของไทยน่าจะโตขึ้นไปอีกเยอะ เพราะการทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ไม่ว่าจะโอนเงิน ชำระเงินและมอบทรัพย์สิน หรือกู้ยืมเงินนั้น ทำได้สะดวกสบายกว่าเดิม และยังมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ถูกลงด้วย” น.ส.วิไลพร กล่าว คาด DeFi ทำดีมานด์ของการใช้บริการทางการเงินกับแบงก์ลด “หากในอนาคตมีการใช้ DeFi มากขึ้นเรื่อยๆ เราคาดว่าความต้องการใช้บริการทางการเงินกับสถาบันการเงินจะลดลงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะด้านการลงทุน เพราะผู้ลงทุนน่าจะโยกเงินไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีพอสมควร”

ก.ล.ต.ทบทวนโทษทางแพ่ง-ปั่นหุ้น คุมเข้ม “ศูนย์ซื้อขาย” สินทรัพย์ดิจิทัล

ก.ล.ต.จ่อทบทวนโทษ “ทางแพ่ง” พร้อมเสนอเพิ่มอำนาจสอบสวน-คุ้มครองพยาน ติดตามแนวโน้ม “ปั่นหุ้น” คุมเข้ม “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” ดูแลผู้ออกเหรียญ-สภาพตลาด ดึงเครื่องหมายหยุดซื้อขาย-มี Ceiling & Floor วันที่ 26 มีนาคม 2565 นายศักรินทร์ ร่วมรังษี รองเลขาธิการสายกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในปี 2565 ก.ล.ต.จะมีการทบทวนบทลงโทษทางแพ่ง ที่ดำเนินการใช้บังคับตามกฎหมายมาแล้วกว่า 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2559 จากเดิมที่เราคาดหวังว่าเครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดในตลาดทุนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล แต่หลายท่านมองว่าอาจจะมีข้อเสียอยู่เหมือนกันคือ เป็นมาตรการแบบเจอจ่ายจบหรือไม่ เพราะผู้กระทำผิดก็แค่จ่ายเงินแล้วก็จบกันไป ไม่ต้องถูกดำเนินการ จึงอาจจะไม่เกิดความเกรงกลัวเกิดขึ้น ฉะนั้น ก.ล.ต.จะกลับมาทบทวนประสิทธิผลของเครื่องมือตัวนี้ใหม่   ขณะเดียวกันในปีนี้เราอาจจะดูว่าควรจะเอามาตรการลงโทษทางอาญามาใช้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ในลักษณะใด ในการกระทำผิดแบบใดที่จะเหมาะสมกับการดำเนินการ ขณะเดียวกันโทษทางอาญาจะเสนอเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.ให้มีอำนาจในการสอบสวน และการคุ้มครองพยาน เพื่อให้ ก.ล.ต.ทำงานได้ต่อเนื่องไปสู่อัยการ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเสนอแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ อีกด้านที่พิจารณาอยู่คือ การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขาย เช่น การปั่นหุ้น, การใช้ข้อมูลภายใน ซึ่งเรื่องนี้มีการแก้ไขกฎหมายเมื่อปี 2559 พร้อมกับมาตรการลงโทษทางแพ่ง

กฟผ. พุ่งเป้าลดใช้พลังงานในสำนักงานลง 20% ช่วยชาติฝ่าวิกฤตพลังงาน

กฟผ. ขานรับนโยบายภาครัฐใช้พลังงานลดลงร้อยละ 20 ผ่านมาตรการลดการใช้พลังงานในสำนักงาน กฟผ. ทั่วประเทศ พร้อมชวนคนไทยลดใช้พลังงานผ่านแคมเปญ “Save Energy for ALL ร่วมใจประหยัดพลังงาน ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน” นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้พลังงานทั่วประเทศและทั่วโลก กฟผ. ขานรับมาตรการลดการใช้พลังงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 โดยมุ่งเป้าลดการใช้พลังงานในสำนักงานลงร้อยละ 20 ด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น การบริหารจัดการควบคุมระบบแสงสว่างในอาคารโดยการตั้งเวลา (Timer) และติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor) กำหนดเวลาปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงพักกลางวันและก่อนเวลาเลิกงานอย่างน้อย 30 – 60 นาที รวมถึงปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้น 26 – 27 องศาเซลเซียส พร้อมรณรงค์ให้พนักงาน กฟผ. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีแทนการสวมเสื้อสูท   นอกจากนี้ กฟผ. ได้นำระบบสื่อสารออนไลน์และระบบงานดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานมากขึ้น อาทิ ระบบประชุมออนไลน์ (Online

1 2 3 4 6