Author: admin

ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์จูงใจธุรกิจหลักทรัพย์ “ควบรวมกิจการ”

ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทุกประเภทที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากัน (amalgamation) สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาต หรือคำขอจดทะเบียนไว้ล่วงหน้า ได้ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ในสภาวะที่สภาพเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและภาคธุรกิจมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบธุรกิจฯ ต่างต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การควบรวมบริษัทเข้าด้วยกันเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีความมั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งมีต้นทุนการดำเนินการที่ลดลง ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการควบรวมกิจการด้วย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้เสนอปรับปรุงกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเกิดจากการควบเข้ากัน โดยรัฐมนตรีได้ลงนามและประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 รวมทั้งได้ปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมการควบรวมของธุรกิจทุกประเภท จากเดิมที่รองรับเฉพาะธุรกิจบางประเภท ทั้งนี้ ผู้ประกอบธุรกิจฯ ที่ประสงค์จะควบบริษัทเข้ากันในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ในลักษณะที่กล่าวมาข้างต้น สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาต หรือคำขอจดทะเบียนไว้ล่วงหน้า เพื่อให้บริษัทที่เกิดจากการควบรวมสามารถประกอบธุรกิจ และรับโอนลูกค้าจากบริษัทเดิมได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้บริการและทำธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่องด้วย ประกาศดังกล่าวข้างต้นจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป อนึ่งการควบรวมกิจการในรูปแบบที่จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ (amalgamation) หมายถึง การรวมกิจการโดยที่บริษัทตั้งแต่ 2 บริษัทขึ้นไปรวมเข้าด้วยกันและเกิดเป็นบริษัทใหม่ (A+B = C) โดยเมื่อควบเข้ากันแล้วจะมีผลทำให้บริษัทเดิมสิ้นสภาพไปพร้อมกัน และบริษัทใหม่จะได้ไปทั้งสิทธิและความรับผิดชอบที่บริษัทเดิมมีอยู่ อ้างอิง https://www.thansettakij.com/money_market

ดอลลาร์อ่อนค่า หลังเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด พร้อมปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ลง

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (17/3) ที่ระดับ 33.36/38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพุธ (16/3) ที่ระดับ 33.44/46 บาท ดอลลาร์อ่อนค่าหลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ครั้งละ 0.25% ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยะระสั้นไปอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปี 2566 แต่จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 นอกจากนี้เฟดยังส่งสัญญาณปรับลดขนาดงบดุลในการประชุมในอนาคต โดยงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) มูลค่ารวมเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโควิด-19

‘เซ็นทรัล รีเทล’ รุกชัยภูมิ ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ ชี้กำลังซื้อกลุ่มฮาร์ดไลน์วัสดุก่อสร้างเริ่มกลับ รับการฟื้นตัวธุรกิจโดยรวม

  ‘ซีอาร์ซี’ เดินหน้าขยายธุรกิจ ประเดิมต้นปี 65 ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ “ไทวัสดุ สาขาชัยภูมิ” ศูนย์รวมสินค้าบ้านของคนไทย ดำเนินธุรกิจโดยบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ปักธงทำเลยุทธศาสตร์ศักยภาพสูงบนพื้นที่กว่า 19,000 ตารางเมตร รองรับความต้องการการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชี้กำลังซื้อกลุ่มฮาร์ดไลน์วัสดุก่อสร้างเริ่มกลับ รับการฟื้นตัวธุรกิจโดยรวม คาดสร้างยอดขายเติบโต 15% พร้อมตั้งเป้าขยาย 10 สาขาในปี 2565 นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ได้เดินหน้าการขยายธุรกิจ ไทวัสดุ อย่างต่อเนื่องกว่า 60 สาขา ในระยะเวลา 12 ปี ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดสาขาที่ 61 สาขาชัยภูมิ

พรูเด็นเชียลกำไรแกร่ง 3.2 พันล้านเหรียญ-IPO ตลาดฮ่องกงช่วยลดภาระหนี้

กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลกำไรจากการดำเนินงานปี 2564 เพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 3,233 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรธุรกิจใหม่โต 13% ขายไอพีโอตลาดหุ้นฮ่องกง มีกระแสเงินสดลดภาระหนี้กว่า 2.25 พันล้านเหรียญ ยกระดับความคล่องตัว ธุรกิจในไทยส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 6 วันที่ 15 มีนาคม 2565 กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential Plc) รายงานผลประกอบการช่วงสิ้นปี 2564 มีการเติบโตอย่างมีคุณภาพและแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการวางตำแหน่งทางกลยุทธ์ใหม่ในธุรกิจ โดยมีรายละเอียดดังนี้ เบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) เติบโต 8% สู่ระดับ 4,194 ล้านเหรียญสหรัฐ กำไรจากธุรกิจใหม่ (NBP) เติบโต 13% สู่ระดับ 2,526 ล้านเหรียญสหรัฐ การวางตำแหน่งทางกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกาเสร็จสมบูรณ์ กำไรจากการดำเนินงานหลังการปรับปรุง เพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 3,233 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินปันผลระหว่างกาลครั้งที่ 2 มีมูลค่า 86 เซนต์สหรัฐต่อหุ้น และมีมูลค่ารวม

คาดบทเรียนสุดโหดแซงก์ชันรัสเซีย กระตุ้นไอเดียเก็บ BTC เป็นทุนสำรอง

คาดมาตรการแซงก์ชันรัสเซียชนิดกัดไม่ปล่อยของตะวันตก กระตุ้นไอเดียการเก็บบิตคอยน์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของชาติต่างๆ เพื่อให้สามารถคงการควบคุมทุนสำรองของตนเอง ชี้ทั้งภาครัฐ และประชาชนทั่วโลกมีแนวโน้มตระหนักว่า ความสามารถในการควบคุมเงินของตัวเองเป็นสิ่งที่ “น่าสนใจอย่างยิ่ง” และชาติต่างๆ อาจเริ่มเก็บบิตคอยน์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ หลังจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซียแบบกัดไม่ปล่อยของตะวันตกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จัดเก็บในรูปสกุลเงินเฟียต และควบคุมโดยประเทศอื่นนั้น ไม่ปลอดภัยอย่างที่เคยคิดกันอีกต่อไป แดน มอร์เฮด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) และประธานร่วมเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของแพนเทอรา แคปิตอล ระบุในจดหมายข่าวล่าสุดว่า เร็วๆ นี้ ประเทศต่างๆ อาจเริ่มเปลี่ยนไปสำรองบิตคอยน์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากความสามารถในการถือครองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของตัวเองจะได้รับความสนใจมากขึ้นสำหรับนานาประเทศ และผู้คนมากมาย เขายังบอกอีกว่า บิตคอยน์ (บีทีซี) ดึงดูดความสนใจคนธรรมดาทั่วไป เพราะคนเหล่านั้นต้องการปกป้องตัวเองจากผลกระทบทางการเงินจากการตัดสินใจของรัฐบาล/ผู้นำเผด็จการ ขณะเดียวกัน สำหรับภาครัฐนั้น มอร์เฮด แจงว่า มาตรการแซงก์ชันที่นำโดยตะวันตกต่อรัสเซียในขณะนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่จัดเก็บในรูปสกุลเงินเฟียตและควบคุมโดยประเทศอื่นนั้น ไม่ปลอดภัยอย่างที่เคยคิดกันอีกต่อไป ความคิดนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแบงก์ชาติรัสเซียถูกตัดขาดจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของตนเองส่วนใหญ่จากทั้งหมด 630,000 ล้านดอลลาร์ที่มีอยู่ก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จะลั่นกลองรบส่งกองทัพบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียทรุดฮวบ และบีบให้ธนาคารกลางต้องขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียวเป็น 20% ซึ่งมอร์เฮด มองว่าอาจทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยล่ม นอกจากนี้ บริษัทชั้นนำของรัสเซียที่ค้าขายในต่างแดนยังทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งมองราคาหุ้นของตัวเองดิ่งฮวบ ขณะที่ตลาดหุ้นในประเทศยังคงปิดทำการ มอร์เฮด เสริมว่า

วิจัยกรุงศรีคาดราคาพลังงานพุ่งดันเงินเฟ้อเร่งขึ้น ธปท.ตรึงดอกเบี้ยพยุงเศรษฐกิจ

สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 13 ปี และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากวิกฤตราคาพลังงานที่ได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 5.28% YoY เร่งขึ้นจาก 3.23% ในเดือนมกราคม สาเหตุจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานเป็นสำคัญ เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทางการได้มีมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งจะช่วยตรึงราคาไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร จนถึงเกือบสิ้นเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มอาหารโดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป และอาหารบริโภคนอกบ้านมีการปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.80% สูงสุดในรอบกว่า 7 ปี จาก 0.52% เดือนมกราคม สำหรับในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 4.25% และ 1.16% ตามลำดับ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวเร่งขึ้นมากโดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 และยืนอยู่เหนือกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของทางการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่ในเดือนถัดไปยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทะยานสูงขึ้นกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีความเสี่ยงจะยืดเยื้อ แรงกดดันทางด้านราคาโดยเฉพาะในหมวดพลังงานจึงเพิ่มขึ้นกว่าคาด

ก.ล.ต.เคาะแนวทางกำกับ utility token พร้อมใช้ เหมือนกับระดมทุนในตลาดแรก – รอง

บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียว กำกับ” utility token พร้อมใช้” ที่จดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อระดมทุน ใช้แนวทางเดียวกับการระดมทุนในตลาดแรก – ตลาดรอง หวังคุ้มครองนักลงทุน พร้อมขยายเวลายกเว้นค่าฟีหุ้นกู้ยั่งยืนอีก 3 ปี นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1. คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบแนวทางการกำกับดูแล “โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ในลักษณะพร้อมใช้” (utility token พร้อมใช้) นับตั้งแต่พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับ ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีพัฒนาการอย่างมาก ในหลายอุตสาหกรรมมีการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแปลงสิทธิเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะพร้อมใช้* เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว บันเทิง และกีฬา มีการแปลงคูปอง บัตรกำนัล คะแนนสะสม หรือบัตรเข้าชมงาน ให้อยู่ในรูปโทเคนดิจิทัล

ศาลฎีกาจีนตัดสิน “คริปโตฯ” ถือว่าเป็นการลงทุนที่ผิดกฎหมาย

ศาลฎีกาพิจารณาคดีการระดมทุนด้วยคริปโตฯ ถือว่าเป็นการระดมทุนที่ผิดกฎหมาย โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งมีอัตราโทษตามความผิดจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับไม่เกิน 79,000 ดอลลาร์ ศาลฎีกาของจีนตัดสินเมื่อวันพฤหัสบดีว่าธุรกรรมสินทรัพย์เสมือนบางรายการสามารถถือเป็น “การระดมทุนที่ผิดกฎหมาย” ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการดำเนินคดีต่ออุตสาหกรรมคริปโตฯ และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน ขณะที่ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน และหน่วยงานนิติบัญญัติด้านตุลาการอื่นๆ ได้ประกาศว่า ธุรกรรม crypto เป็นการระดมทุนที่ผิดกฎหมายในเดือนกันยายน ในปี 2564 ซึ่งคำตัดสินของศาลอย่างเป็นทางการ ระบุว่าเป็นอาชญากรรม และกำหนดบทลงโทษที่เกี่ยวข้อง คำวินิจฉัยเมื่อวันพฤหัสบดีกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 176 ของกฎหมายอาญาของจีน โดยกำหนดระวางอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 10 ปี และปรับระหว่าง 50,000 หยวน (7,900 ดอลลาร์สหรัฐ) และ 500,000 หยวน (79,000 ดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมากซึ่งจัดเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงน้อยกว่าจะถูกดำเนินคดีโดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับ 20,000 หยวน (3,160 ดอลลาร์) ถึง 200,000 หยวน

วิธีแลกหุ้น “SCB” ไป “SCBX” เริ่ม 2 มี.ค. ทำอย่างไร ถ้าไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สรุปเงื่อนไขการแลกหุ้น “SCB” ไป “SCBX” ช่วง 2 มี.ค. – 18 เม.ย. 65 หลัง “ธนาคารไทยพาณิชย์” เดินหน้าปรับโครงสร้าง เตรียมนำ SCBX เข้าจดทะเบียนใน “ตลาดหลักทรัพย์ฯ” และเพิกถอนหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ออกจากตลาดในวันเดียวกัน หลังจากที่กลุ่ม “ไทยพาณิชย์” เดินหน้าปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินและโครงสร้างการถือหุ้น ล่าสุดยานแม่ “เอสซีบี เอกซ์” (SCBX) ประกาศทำคำเสนอซื้อ หรือ Tender Offer หุ้นทั้งหมดของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กับผู้ถือหุ้นของ SCB เพื่อแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของ SCBX ที่จะเริ่มกระบวนการแลกหุ้นได้ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 65 ถึงวันที่ 18 เม.ย. 65 เพื่อเตรียมนำ SCBX เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเพิกถอนหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ออกจากตลาดในวันเดียวกัน ตอนนี้ได้มาถึงกระบวนการ “แลกหุ้น” จากธนาคารไทยพาณิชย์ “SCB” เป็น “SCBX” และนำหุ้น

“บ้านลุมพินี” ดันแคมเปญส่งท้ายไตรมาสแรก “ซื้อหวยยังมีพลาด ซื้อลุมพินีได้มากเกินคาด” ลดสูงสุด 1.5 ล้าน

บริษัท พรสันติ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ “บ้านลุมพินี” ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดตัวแคมเปญใหม่กระตุ้นยอดขายไตรมาสแรกของปี “ซื้อหวยยังมีพลาด ซื้อลุมพินีได้มากเกินคาด” ลดสูงสุดถึง 1.5 ล้านบาท กับ “บ้านลุมพินี” จำนวน 8 โครงการ ราคาเริ่มต้น 1.89-6.55 ล้านบาท พร้อมของแถมสูงสุด 8 รายการ ลดหนักขนาดนี้ มีมาไม่บ่อยเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มี.ค.นี้ สำหรับบ้านลุมพินีทั้ง 8 โครงการนี้ตั้งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง สามารถเดินทางเข้าออกตัวเมืองได้สะดวกทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วน รอบๆ โครงการมีทั้งสถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า ตลาดสดที่คอยให้บริการ ซึ่งทุกโครงการที่เราพัฒนาขึ้นมานั้นจะตั้งอยู่บนแนวคิด “บ้านลุมพินี…บ้านน่าอยู่” เป็นสำคัญ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยให้ลูกบ้านทุกเพศ ทุกวัย สำหรับ 8 โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ ประกอบด้วย – โครงการ “ลุมพินี ทาวน์วิลล์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า”

1 2 3 4 5 6